เพชรบูรณ์ – คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ติดตามการแก้ปัญหาที่ดิน เขาค้อ – ภูทับเบิก
วันที่ 10 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลเขาค้อ อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายจารึก ศรีอ่อน และนายสุทา ประทีป ณ.ถลาง รองประธานคณะกรรมาธิการ ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับ นายสาคร รุ่งเรือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายชีวภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก นายชิต อินทระนก ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบูรณ์ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังได้รับการร้องเรียนจากนายประสม ประคุณสุขใจ เจ้าของเมาท์เท่นพาร์คสวิสเซอร์แลนด์รีสอร์ท ที่เคยขึ้นป้ายยักษ์ถามนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย รมว. ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ถึงปัญหาโรงแรมเถื่อนบนเขาค้อที่มีกว่า 1,000 แห่ง ว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนพยายามบิดเบือนคำสั่ง คสช.ที่ 6/2562 โดยอ้างว่าโรงแรม รีสอร์ทเถื่อนที่ก่อสร้างอยู่ในเขตป่า จะได้รับการคุ้มครองและผ่อนปรนจากพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ที่ตราขึ้นเพื่อให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ “คทช.” เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ โดยอ้างว่าผู้ประกอบการที่แจ้งลงทะเบียนไว้แล้ว ให้ทำธุรกิจและให้บริการได้ ไม่ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี


โดยบรรยากาศในที่ประชุม เป็นไปด้วยความดุเด็ดเผ็ดร้อน เนื่องจากนายประสม ประคุณสุขใจ ได้จี้ถามเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆว่า มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พร้อมทั้งมีการเปิดคลิปเสียงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่บันทึกจากโทรศัพท์มือถือ จนทำให้ผู้เข้าประชุมหลายรายเกิดความตรึงเครียด ในขณะที่ทางคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้มีการซักถามถึงข้อเท็จจริง เพื่อรวบรวมข้อมูลหลักฐานไปเสนอต่อ คทช.


ต่อจากนั้น คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ได้ลงพื้นที่จุดชมวิว อ.เขาค้อ และจุดชมวิวภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่บังคับใช้กฎหมาย ตามคำพิพากษาศาลปกครอง กับโรงแรม รีสอร์ท ในพื้นที่ อ.เขาค้อ และภูทับเบิก อ.หล่มเก่า ซึ่งกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547
นายจารึก ศรีอ่อน รองประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า ที่มาวันนี้เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่า ทำโรงแรมถูกต้องแต่มีผู้มาใช้บริการลดลง เนื่องจากมีโรงแรมเถื่อนผุดในพื้นที่ป่าสงวนจำนวนมากมาย ซึ่งทางกรรมาธิการมาตรวจสอบว่า มีการบุกรุกที่ดินของรัฐมากมายแค่ไหน เนื่องจากรัฐบาลกำลังมีการแก้กฎหมาย การที่มีผู้เข้าไปทำกินในที่ดินของรัฐ คทช.จะได้พิจารณาว่า ประชาชนรายไหนจะได้ที่ทำกิน รายไหนจะต้องออกไป โดยโรงแรมก็จะเอาไปเข้า คทช.ด้วย เพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป โดยที่เขาค้อมีผู้ประกอบการทำผิดกฎหมายมาก ที่ภูทับเบิกก็จะมีน้อยกว่า โดยจะนำรายชื่อโรงแรมทั้งหมดไปเข้าคณะ คทช. หารือกันว่าจะทำอย่างไร โดยคนที่ทำในที่ดินของรัฐก็ไม่สามารถจดทะเบียนได้ พอไม่ได้จดทะเบียน ก็ไม่ต้องเสียภาษีสบายไป ส่วนรัฐก็ขาดรายได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข โดยจังหวัดเพชรบูรณ์มีปัญหาบุกรุกมากที่สุด ซึ่งต้องรวบรวมว่าทั้งหมดมีกี่แห่ง เพื่อเก็บข้อมูลเข้า คทช. แต่ทั้งนี้เรียนว่าจนจะปฏิบัติหน้าที่ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ก็ไม่ใช่ว่าทำผิดกฎหมายแล้วจะต้องเอาให้เป็นให้ตาย โดยต้องดูที่ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก

