หนองไผ่ – เจ้าของร้านของชำ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ถูกแก๊งมิจฉาชีพ ทำทีเข้าเสนอขายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาดให้ เจ้าของร้านขายของชำ ควักเงินจ่ายกว่า 3 หมื่นบาท แต่ได้ของจริงไม่กี่พันบาท
วันที่ 24 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความว่า “เตือนภัย!!มิจฉาชีพหลอก ทำทีมายื่นขายสินค้าส่งแบบยกลังให้กับเหยื่อที่เปิดร้านค้าขายของชำ ด้วยราคาที่ถูกกว่าห้าง ทำงานเป็นทีมมากัน3คน ล่าสุดบ่ายวันนี้ โผล่ที่ ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ โดนหลอกไป 26,700 บาท ราคาของจริงๆ ประมาณ 4000 บาท จากนั้นมีผู้เสียหายออกมาให้ข้อมูลอีกหลายรายครับ ทะเบียนรถ รุ่นรถ คนร้ายตามรูปตามคลิปเลยนะครับ ไปร้านใครถ่วงเวลาไว้แล้วแจ้งความได้เลยครับ รายละเอียดมากกว่านี้สอบถามได้ครับ”
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบร้านค้าดังกล่าว ที่บ้านเลขที่ 718 หมู่ที่ 5 บ้านโคกพัฒนา ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ ภายในหมู่บ้าน พบกับ นายบุญส่ง กงผัน อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของชำโดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันพุธ ที่ 22 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 13.10 น. ที่ผ่านมา ได้มีรถยนต์กระบะ Isuzu D-max 4 ประตู สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนที่แน่ชัด คล้ายๆ 7กค 540 กรุงเทพมหานครมาจอดหน้าร้าน และมีชายลงมา ด้วยกัน 3 คน อ้างตัวเป็นเซลล์ขายสินค้า เดินลงมาสอบถามลูกสาวที่อยู่หน้าร้าน ว่าที่ร้านต้องการสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ พร้อมเสนอขายสินค้าทั่วๆ ไป ที่มีราคาถูกกว่าแหล่งที่เคยซื้อ อยู่ประมาณ 1-2บาท ลูกสาวจึงได้มาปรึกษาตน และเห็นว่าน่าสนใจ จึงได้ตอบรับสั่งซื้อสินค้าแต่สินค้ารอบแรกที่ต้องซื้อต้องเป็นสินค้าตามใบโปรชัวร์ ตามที่ระบุให้เท่านั้น ในราคา 26,700 บาท และรอบต่อไปจะสั่งสินค้าอะไรก็ได้ ตามที่ทางร้านต้องการ แต่ในจังหวะที่ตนเองกำลังเดินไปเช็คสินค้า ปรากฎว่าชาย ทั้ง 3 ได้คนเดินไปที่รถ ซึ่งตนคิดเดินไปขนสินค้าที่รถให้ แต่กลับขึ้นรถและรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว จึงได้รู้ว่าถูกหลอกแน่ๆจึงได้รีบคว้ากุญแจรถ ขับตามแต่ก็ไม่ทัน พอกลับมาเช็คสินค้ากลับพบว่าสินค้าที่ได้รับมีมูลค่าประมาณ 4,000 บาท เท่านั้น
ตนจึงได้ให้ลูกสาวเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนี และคาดว่าคนร้ายแก๊งนี้ออกตระเวนหลอกลวงชาวบ้านมาแล้วหลายพื้นที่ โดยใช้มีวิธีพูดจาหว่านล้อมให้หลงเชื่ออย่างแนบเนียน และใช้เวลาก่อเหตุไม่นาน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อไม่ให้ก่อเหตุซ้ำอีก
