หนองไผ่ – ชาวไร่ยาสูบที่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ วอนรัฐช่วยเหลือ ยาเส้นกองเต็มบ้าน ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อ แม้ราคาจะถูกลงแล้วก็ตาม เชื่อเป็นเหตุจากภาษีสรรพสามิต
วันที่ 25 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านน้ำวิ่ง หมู่ที่ 2 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีพ่อค้ามารับซื้อยาเส้น ทำให้มียาเส้นตกค้างอยู่ที่บ้านเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นฤดูกาลผลิต
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเกษตรที่ปลูกใบยาสูบอีกหลายสิบหลังคาเรือน ที่กำลังเก็บใบยาสดและนำมาบ่มเพื่อซอยเป็นเส้นแล้วนำไปตาก เพื่อรอจำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลางที่จะเข้ามารับซื้อถึงในหมู่บ้านอีกเป็นจำนวนมาก เช่นกัน
ชาวเกษตรกรที่ปลูกยาสูบ เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ผลผลิตค่อนข้างน้อย เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง จึงทำให้ผลผลิตไม่ดีได้น้อยกว่าทุกปี และยาเส้นที่ผลิตเสร็จก็ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อเหมือนทุกปี โดยทางพ่อค้าอ้างเรื่องของภาษีสรรพสามิต ทำให้พ่อค้าไม่กล้ารับซื้อ จึงทำให้ทุกบ้านมียาเส้นที่ผลิตเสร็จขายไม่ได้เป็นจำนวนมาก
สำหรับ อ.หนองไผ่ เดิมมีเกษตรกรที่เพาะปลูกยาสูบประมาณ 20-25 ครัวเรือน โดยมีพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งสิ้นประมาณกว่า 80 ไร่ ได้ผลผลิตประมาณปีละ 1,500 – 2,000 กิโลกรัม/ครัวเรือน สามารถสร้างรายได้ครัวเรือนละเกือบ 2 แสนบาทต่อปี หรือสร้างรายได้ให้ชุมชนปีละไม่ต่ำกว่า 4 ล้านบาท
โดย น.ส กฤษดาวรรณ จันลา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ที่ 2 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบ เล่าว่า ทุกปีจะมีพ่อค้าเข้ามาซื้อถึงในหมู่บ้าน จำนวนหลายคน แต่ปีนี้มีพ่อค้าแค่คนเดียวที่เข้ามาซื้อ และเอายาเส้นไปก่อนยังไม่จ่ายเงิน ครบ 15 วัน ถึงเอาเงินมาให้ และจะรับซื้อในราคาที่ถูกลงเรื่อยๆ ตนจึงอยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐช่วยเหลือเรื่องราคา และหาพ่อค้ามารับซื้อยาเส้น ที่ตกค้างเป็นจำนวนมาก
ด้าน นางคูณมี มาลาสี อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 2 ต.บ้านโภชน์ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ถ้าไม่ปลูกใบยาสูบก็ไม่รู้จะทำอาชีพอะไร เพราะตนก็อายุมากแล้ว
สำหรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต จนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการหยุดรับซื้อยาเส้น และส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จนออกมาชุมนุมประท้วงที่หน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยนายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผวจ.เพชรบูรณ์ ได้ร่วมประชุมหารือกับแกนนำผู้ชุมนุมจนได้ข้อสรุปว่า ให้จัดทำหนังสือเรียกร้องแก้กฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษี จำนวน 4 ฉบับ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมสรรพสามิต โดยมีข้อเรียกร้องเพียงข้อเดียวคือ แก้ไขลดอัตราภาษียาเส้น จากเดิม 0.10 บาทต่อกรัม เป็น 0.025 บาทต่อกรัม และหากจะมีการปรับขึ้นภาษีในอนาคตขอให้แจ้งก่อนล่วงหน้าเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
