เพชรบูรณ์ – ไม่สน PM 2.5 กลุ่มควันหาทึบลอยขึ้นเหนือฟ้า กลางเมืองเพชรบูรณ์ ชาวบ้านตกใจ คิดว่าไฟไหม้ใหญ่ ที่แท้ก็เผาหญ้าในแปลงนา
วันที่ 21 ธ.ค.2563 เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มควันหนาทึบจำนวนมากพวยพุ่งมาจากท้ายหมู่บ้านหมู่ 13 ต.สะเดียง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ลักษณะคล้ายไฟไหม้ขนาดใหญ่สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าสามารถมองเห็นได้ในระยะหลายกิโลเมตร ประชาชนตื่นตระหนกเกรงว่าจะเป็นการเกิดไฟไหม้บ้านหรือในชุมชน ขณะนี้รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์กำลังไปที่เกิดเหตุจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าจุดเกิดเหตุเป็นทุ่งนาอยู่ท้ายหมู่บ้านหมู่ที่ 13 ต.สะเดียง พบว่ามีกลุ่มควันหน้าทึบลอยไปบนท้องฟ้าจนน่ากลัว ทั้งนี้ได้มีรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ได้จอดเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ใกล้กับจุดไฟไหม้
นายสมบัติ กู่จาน อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/2 หมู่ 13 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นคนจุดไฟจนเกิดกลุ่มควันดังกล่าวได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าตนได้มาเช่าที่นาเพื่อที่จะปลูกข้าวในฤดูกาลหน้าจำนวน 12 ไร่ แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่ได้ปลูกอะไรมา 2 ปีแล้ว จึงทำให้วัชพืชโดยเฉพาะหญ้าขนได้ขึ้นจนหน้าทึบ รถไถไม่สามารถที่จะไถได้ ตนจึงไปขออนุญาตผู้ใหญ่บ้านเพื่อเผาหญ้าในพื้นที่ดังกล่าว และเมื่อได้รับอนุญาตตนก็ได้ชักชวนคนที่รู้จักกัน 7-8 คน มาช่วยกันจุด โดยได้เตรียมอุปกรณ์ในการดับไฟ รวมทั้งได้ทำแนวกันไปเป็นที่เรียบร้อยจากนั้นจึงได้ลงมือจุด
แต่เนื่องจากพื้นที่เป็นหญ้าแห้งและหญ้าสดจึงทำให้เกิดการลุกไหม้และกลุ่มควันที่หน้าทึบ แต่จุดดังกล่าวก็อยู่ไกลจากแหล่งชุมชน ควันได้ลอยขึ้นสูงไม่ไปรบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนอย่างแน่นอน และใช้เวลาประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมงไฟก็จะมอดดับแล้ว
ประชาชนส่วนมากมักนิยมใช้วิธีการจุดไฟเผา เพราะเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างรวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อย โดยเฉพาะเกษตรกร เมื่อหมดฤดูการเพาะปลูกแล้ว ก็จะต้องทำการเผาฟางข้าว ต้นข้าวหรือซังข้าว หรือเศษไม้ใบหญ้า เพื่อเตรียมการทำการเพาะปลูกใหม่ในฤดูกาลต่อไป ซึ่งการกำกัดเศษซากพืชหรือขยะด้วยวิธีนี้ นอกจากจะทำให้เกิดปัญหาโลกร้อน ปัญหามลพิษทางอากาศจากค่าปริมาณฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐาน pm 2.5 ยังก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญกับเจ้าของที่ดินข้างเคียงเนื่องจากกลุ่มควันฝุ่นละอองจากขี้เถ้า และยังอาจก่อให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามไปยังที่ดินข้างเคียงอีกด้วย
