ช่วงต้นฤดูหนาวชาวนาพากันเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อจะเตรียมปลูกรอบใหม่ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ชาวบ้านออกดักจับหนูนามาขายกัน ที่ตลาดมีแม่ค้านำหนูนามาวางขายกันคึกคัก แต่ราคาก็แพงกว่าหมู 2 เท่าตัว
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตลาดเทศบาล อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร จากการสำรวจดูพบว่าตามแผงขายของจะมีแม่ค้านำหนูนามาวางขายกันหลายแผง และก็มีคนมาเดินหาซื้อไปปรุงเป็นเมนูรับประทานกัน โดยหนูนาที่นำมาวางขายผ่านการย่างจนสุกมาแล้ว มีทั้งตัวขนาดกลางๆและขนาดใหญ่ ย่างจนเนื้อเหลืองๆกลิ่นหอม ผ่าท้องควักไส้ออกจนเหลือแต่ตับใหญ่ๆ
จากการสอบถามแม่ค้าขานหนูนาเปิดเผยว่า ช่วงนี้ต้นฤดูหนาวชาวนาพากันเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อจะเตรียมปลูกรอบใหม่ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ชาวบ้านออกดักจับหนูนามาขายกัน เนื่องจากหนูนาจะมาขุดรูอยู่ตามคันนาและในท้องนา นอกจากนั้นตามท้องนาจะมีเมล็ดข้าวตกหล่นจำนวนมาก ดังนั้นช่วงนี้หนูนาจึงมีอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ดังนั้นชาวบ้านจึงพากันออกดักหนูมากินมาขาย แต่ละคนสามารถดักหนูนาได้วันละหลายตัวจึงนำมาขายให้แม่ค้า
แม่ค้ายังเปิดเผยอีกว่า เมื่อชาวบ้านดักหนูนาได้จำนวนมาก จึงทำเสร็จนำมาขายเป็นหนูนาสด โดยขายกิโลละ 200 บาท ทางแม่ค้าต้องนำมาย่างให้สุกก่อนจึงนำมาขายในตลาดได้ โดยขายกิโลละ 450 บาท ถ้าแยกเป็นจานตกจานละ 100-200 บาทแล้วแต่ขนาด ซึ่งแพงกว่าเนื้อหมู 2 เท่า แต่ก็มีคนรับประทานกันมากเพราะช่วงนี้หนูนาตัวใหญ่ เนื้อเยอะและนุ่ม หนูนากับหนูเลี้ยงหรือหนูบ้านจะผิดกันโดยสิ้นเชิง เพราะหนูนามีมันน้อยเนื่องจากหากินตามธรรมชาติ เวลาที่ย่างแล้วหนูนาจะมีกลิ่นหอมเหมือนเนื้อย่าง แต่หนูเลี้ยงหรือหนูบ้านจะมีกลิ่นเหม็นสาป ซึ่งถ้าซื้อกับแม่ค้าที่ขายประจำจะได้หนูนาของแท้
