เพชรบูรณ์ เปิดภาพกล้องหน้ารถ อุบัติเหตุซ้ำซ้อน ทางขึ้นภูทับเบิก ทั้งพระทั้งคน วิ่งหนีกระเจิง บาดเจ็บ รวม 12 ราย
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2655 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 10.50น. สมาคมอาสาสมัครร่วมกตัญญูเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ได้รับแจ้งจากทาง ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า ว่ามีอุบัติเหตุ รถตู้ชนแบริเออร์ปูน บนทางขึ้นภูทับเบิก ที่บริเวณโค้ง S1 ต.บ้านเนิน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จึงแจ้งให้ สมาคมอาสาฯร่วมกตัญญู สาขา หล่มสัก หล่มเก่า ออกตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบ รถยนต์ตู้ โตโยต้า ทะเบียน ฮท 8558 กทม. เบรกไม่อยู่ชนแบริเออร์ปูน ในที่เกิดเหตุ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย อาสาฯให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาล
และในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสากู้ภัยกำลังเข้าตรวจสอบและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮต 8221 กทม. เสียหลักพุ่งลงมาจากเนินเขาอย่างเร็ว และชนท้ายรถตู้คันแรกที่ชนแบริเออร์อยู่ก่อนหน้า ทำให้พระสงฆ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณดังกล่าว รวมทั้งอาสากู้ภัย ต้องวิ่งหนีกระเจิง ทำให้มีผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 12 ราย โดยมีภาพกล้องหน้ารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้
หลังจากที่เกิดเหตุซ้ำซ้อน เจ้าหน้าที่ก็รวบรวมสติ ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาล เคลื่อนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพยุหะราชหล่มเก่า
นายธนวัฒน์ สิงห์ป้อง สมาคมอาสาสมัครร่วมกตัญญูเพชรบูรณ์ สาขาหล่มสัก ที่เดินทางไปช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บในจุดดังกล่าว เล่าว่า หลังได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรหล่มเก่า ว่ามีอุบัติเหตุรถตู้เสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ทางลงภูทับเบิกบริเวณโค้ง S1 ฝั่งขาลง จึงได้เร่งออกไปช่วยเหลือ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีรถตู้โตโยต้า สีบรอนเงิน ทะเบียน ฮท 8558 กทม เสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ มีพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย และมีอาสากู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังให้ความช่วยเหลือ ในขณะนั้น มีรถตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮต 8221 กทม พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว และชนท้ายรถตู้ที่คันแรกที่จอดอยู่ข้างทางเสียงดังสนั่นจนทำให้พระสงฆ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสากู้ภัยกระโดดหนีกระเจิง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 6 ราย รวมเป็น 12 ราย อาสากู้ภัยจึงได้นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า
ตนจึงอยากจะฝากผู้ที่จะขับขี่รถขึ้นภูทับเบิก ให้ระมัดระวังในการขับขี่ และใช้เกียร์ต่ำ จำกัดความเร็ว ที่สำคัญควรเว้นระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงเพื่อร่วมทางที่เดินทางมาท่องเที่ยวภูทับเบิกด้วย
