แก๊งขโมยข้าวเปลือกที่ตากไว้อาละอวาดใน2 อำเภอ ชาวนาเดือดร้อนหนัก ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่เร่งหาเบาะแสจับตัวคนร้ายที่สร้างความทุกข์ให้กับชาวบ้าน
ศูนย์วิทยุศรีไผท สภ.เมืองสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านบ้านศาลา หมู่ที่ 16 ตำบลท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ หลังลูกบ้านแล่นมาแจ้งว่าข้าวเปลือกของตนเองที่นำมาตากไว้ริมถนนติดคลองประทาน ถูกขโมยไปไม่ต่ำกว่า 1 ตัน จึงรีบแจ้งตำรวจชุดสืบสวนพร้อมพนักงานสอบสวนเข้ามาตรวจสอบ โดยมีนายแดง สุขยินดี ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยผู้เสียหายคือ นายอัน คงดวงดี อายุ 65 ปี ยืนรอให้การกับตำรวจชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ โดยกล่าวว่าตนเองนำข้าวหอมมะลิ 105 มาตากเอาไว้เป็นคืนที่2 แล้ว อีกทั้งเมื่อคืนก็นอนเฝ้าข้าวจนถึงตี3 ก่อนที่จะลุกไปบ้านเนื่องจากยุงชุม ส่วนเพื่อนบ้านที่ตากข้าวเอาไว้ ห่างกันประมาณ 100 เมตร ก็กลับหลังตนเองประมาณ 10 นาที ก่อนที่รุ่งเช้าช่วงตี5 ครึ่งกลับมาอีกรอบ พบว่าสะแรนสีฟ้าที่ใช้รองตากข้าวกระจุยกระจายฉีกขาด ข้าวเปลือกที่ตากเอาไว้ หายไปกว่า 1 อุ้ม หรือประมาณ 1 ตันเศษค่าเสียหายประมาณ 12000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้มาสอบปากคำก่อนให้ผู้เสียหายไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ คาดว่าคนร้ายกลุ่มนี้ จะตระเวนออกขโมยข้าวเปลือกในช่วงตี 4 ซึ่งชุดสืบสวนจะตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางอีกครั้ง เพื่อหาตัวคนร้ายมดำเนินคดีให้ได้เนื่องจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกร ส่วนชานนาที่กำลังนำข้าวมาตากทั้งบนเพื่อนถนนและในบ้าน ต่างวิตกกังวลกันเพราะไม่รู้ว่าข้าวเปลือกตนเองจะถูกขโมยด้วยอีกหรือไม่ ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านจะได้ประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านได้ระวังและจัดเวรยามดูแลข้าวเปลือกของตนเองและเพื่อนบ้าน

ขณะที่บ้านปันรัว ต.ตาเบา อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นายเกษม คิดนุนาม เกษตรกรที่นำข้าวเปลือกที่ตากเอาไว้ไปฝากไว้กับยุ้งฉางของโรงสีชุมชน ยังไม่เว้นกวาดข้าวเปลือกไปจำนวน 15 กระสอบ หลบหนีไปลอยนวลค่าเสียหายประมาณ 7,000 บาท

ด้านนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มีคำสั่งให้ทุกอำเภอ แจ้งไปยังทุกตำบลและหมู่บ้านในการจัดเวรยามเฝ้าระวังดูแลทรัพย์สินโดยเฉพาะข้าวเปลือกของพี่น้องประชาชน ช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน ด้าน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ มีคำสั่งด่วนไปยังทุกสถานีให้ตำรวจออกหาข่าวและติดตามหาเบาแสกลุ่มแก๊งโจรกลุ่มนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ซึ่งไม่เฉพาะการขโมยข้าวเปลือกเท่านั้น เครื่องมือการเกษตร ก็อาจจะมีอีกกลุ่มที่ฉวยโอกาสในช่วงนี้ จึงต้องปราบปรามให้เด้ดขาด
